ประโยชน์ของการดื่มน้ำ ดื่มน้ำเยอะช่วยอะไรบ้าง

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ ดื่มน้ำเยอะช่วยอะไรบ้าง น้ำอาจดูธรรมดา แต่แท้จริงแล้วคือสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ร่างกายมนุษย์ต้องการอย่างต่อเนื่องในทุกวัน เพราะร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 60-70% ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียงสารอาหาร การควบคุมอุณหภูมิ การขับของเสีย หรือแม้แต่การทำงานของสมอง ทุกระบบล้วนต้องพึ่งพาน้ำในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ หลายคนกลับมองข้ามการดื่มน้ำไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพได้อย่างชัดเจน

เคยไหม? ที่รู้สึกเหนื่อยล้า สมาธิสั้น ผิวพรรณหมองคล้ำ หรือปวดหัวแบบไม่มีสาเหตุ สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณจากร่างกายว่าคุณกำลังดื่มน้ำน้อยเกินไป การเติมน้ำให้ร่างกายอย่างเหมาะสม จึงไม่ใช่เพียงแค่การดับกระหาย แต่คือการฟื้นฟูสมดุลภายใน ส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว และช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมแพง ๆ หรือวิธีลัดใด ๆ เลย

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ ประโยชน์ของการดื่มน้ำ “ดื่มน้ำเยอะช่วยอะไรได้บ้าง?” พร้อมแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน โดยไม่ต้องฝืนหรือกดดันตัวเอง เพราะบางครั้งสุขภาพที่ดีอาจเริ่มต้นได้จากแค่ ‘แก้วน้ำใส ๆ’ ที่อยู่ตรงหน้าเรา

ดื่มน้ำเยอะ ดีต่อสุขภาพอย่างไร?

1. ควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดีขึ้น

น้ำช่วยปรับสมดุลอุณหภูมิของร่างกาย โดยเฉพาะเวลาที่ร่างกายร้อนหรือออกกำลังกาย ร่างกายจะระบายความร้อนผ่านเหงื่อ และต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก หากดื่มน้ำไม่พอ อาจเสี่ยงภาวะร้อนเกินหรือเพลียแดดได้ง่าย

2. ผิวพรรณชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน

น้ำช่วยให้เซลล์ผิวอิ่มฟูจากภายใน ผิวจะดูนุ่ม ชุ่มชื้น และมีชีวิตชีวามากขึ้น ลดปัญหาผิวลอกเป็นขุยหรือแตกลาย แถมยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย

3. ขับของเสียจากร่างกายได้ดี

น้ำคือเครื่องมือหลักของไตในการกรองของเสียจากเลือดและขับออกทางปัสสาวะ การดื่มน้ำมากพอช่วยลดความเสี่ยงของนิ่วในไต ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ลื่นไหล

4. ลดอาการเหนื่อยล้า เพิ่มพลังงาน

รู้ไหมว่าแค่ขาดน้ำเล็กน้อยก็สามารถทำให้รู้สึกเหนื่อย เพลีย หรือมึนหัวได้ เพราะน้ำมีบทบาทในการลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ดื่มน้ำบ่อย ๆ ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันตา!

5. ตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก

ก่อนมื้ออาหาร ลองดื่มน้ำสักแก้ว จะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดปริมาณการกินจุกจิก และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นด้วย ใครกำลังไดเอตควรใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำเป็นพิเศษ

6. สมองทำงานได้ดี มีสมาธิ

สมองของเราต้องใช้น้ำในการส่งข้อมูล และรักษาความสมดุลของสารเคมีในระบบประสาท ขาดน้ำอาจทำให้คิดช้า ขี้ลืม หรือหงุดหงิดง่ายได้โดยไม่รู้ตัว

7. ป้องกันอาการท้องผูก

น้ำช่วยให้ระบบย่อยอาหารและลำไส้ทำงานอย่างราบรื่น ทำให้อุจจาระไม่แข็งจนเกินไป หากดื่มน้ำน้อยเกินไป ลำไส้จะดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ทำให้ขับถ่ายลำบาก เกิดอาการท้องผูกตามมา

น้ำเปล่า (Water หรือ Drinking Water) VS น้ำแร่ (Mineral Water)

น้ำเปล่า คือน้ำดื่มธรรมดาที่ผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อ เช่น ระบบ RO (Reverse Osmosis) หรือ UV เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจากเชื้อโรคและสิ่งเจือปน เหมาะสำหรับการบริโภคประจำวัน

คุณสมบัติ:

  • ไม่มีสี ไม่มีรสชาติ ไม่มีแร่ธาตุมากนัก
  • ผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
  • ราคาถูกและหาซื้อง่าย
  • เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ดื่มได้ทุกวันอย่างปลอดภัย

น้ำแร่ คือ“น้ำธรรมชาติที่มีแร่ธาตุละลายอยู่ตามธรรมชาติ” มักมาจากแหล่งน้ำใต้ดินลึกหรือภูเขา ที่มีแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และซัลเฟต ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

คุณสมบัติ:

  • มีรสชาติกลมกล่อมจากแร่ธาตุธรรมชาติ
  • มีแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงกระดูก ระบบประสาท และผิวพรรณ
  • ไม่ผ่านกระบวนการกรองแร่ธาตุออก เพื่อรักษาคุณประโยชน์ของน้ำแร่
  • ราคาสูงกว่าน้ำเปล่าเล็กน้อย

ควรดื่มอะไรดีกว่า? น้ำเปล่าหรือน้ำแร่

หลายคนอาจสงสัยว่า ควรเลือกดื่มน้ำแบบไหนให้เหมาะกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ วันนี้เรามีคำแนะนำง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

กรณีที่แนะนำให้ดื่ม “น้ำเปล่า”

  • ดื่มเป็นน้ำหลักในชีวิตประจำวัน เพราะสะอาด ปลอดภัย และช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้อย่างเพียงพอ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ต้องการดื่มน้ำเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว
  • เหมาะกับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต เพราะน้ำเปล่ามีแร่ธาตุน้อย ทำให้ไม่เพิ่มภาระไตในการกรองสารต่าง ๆ

กรณีที่เหมาะกับ “น้ำแร่”

  • ต้องการเติมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและระบบประสาท โดยเฉพาะคนที่ได้รับแร่ธาตุจากอาหารน้อย
  • อยู่ในพื้นที่ที่น้ำประปาหรือแหล่งน้ำดื่มคุณภาพไม่ดี น้ำแร่คุณภาพสูงสามารถเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
  • ต้องการฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลีย เช่น หลังออกกำลังกายหนัก หรือช่วงที่ร่างกายป่วยและต้องการเติมเต็มแร่ธาตุให้สมดุล

เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน

การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยดูแลสุขภาพร่างกายให้ทำงานได้ดี แต่หลายคนก็ลืมหรือไม่ชินที่จะดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม วันนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณดื่มน้ำได้อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอตลอดวันครับ

  • 1. พกขวดน้ำติดตัวตลอดเวลา

การมีขวดน้ำอยู่ใกล้มือ จะช่วยเตือนใจให้คุณดื่มน้ำบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือขณะเดินทาง

  • 2. ตั้งเวลาหรือแจ้งเตือนบนมือถือ

ใช้แอปพลิเคชันหรือฟีเจอร์แจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือ เพื่อเตือนให้ดื่มน้ำทุก ๆ 30-60 นาที ช่วยสร้างนิสัยดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ

  • 3. เริ่มต้นวันด้วยน้ำ 1 แก้ว

หลังตื่นนอน ดื่มน้ำเปล่าทันที 1 แก้ว ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและเติมน้ำให้ร่างกายหลังหลับนาน

  • 4. ดื่มน้ำก่อนอาหาร

การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และยังช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดี

  • 5. ปรับรสชาติให้น่าสนใจ

ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าธรรมดา ลองเติมมะนาวสด ใบสะระแหน่ หรือผลไม้สดชิ้นเล็ก ๆ ลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติและความสดชื่น

  • 6. สังเกตสัญญาณร่างกาย

หมั่นสังเกตสัญญาณว่าคุณอาจกำลังขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง เหนื่อยง่าย ปวดหัว และดื่มน้ำทันทีเมื่อรู้สึกเช่นนั้น

  • 7. เพิ่มปริมาณน้ำในวันที่ออกกำลังกายหรืออากาศร้อน

เมื่อเหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย

ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกดีไหม?

พลาสติก PET, BPA, BPS คืออะไร?

  • PET (Polyethylene Terephthalate)
    เป็นพลาสติกชนิดที่นิยมใช้ทำขวดน้ำดื่ม เพราะใส แข็งแรง น้ำหนักเบา และปลอดภัยเมื่อใช้ครั้งเดียว (ใช้แล้วทิ้ง) อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการนำกลับมาใช้ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะอาจเกิดการเสื่อมสภาพและปล่อยสารที่เป็นอันตรายได้
  • BPA (Bisphenol A)
    เป็นสารเคมีที่ใช้ในพลาสติกประเภทโพลีคาร์บอเนต และเรซินบางชนิด ซึ่งอาจปนเปื้อนน้ำได้เมื่อพลาสติกเสื่อมสภาพหรือโดนความร้อน BPA ถูกตั้งคำถามเรื่องผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและสุขภาพ ดังนั้นขวดน้ำที่ระบุว่า “BPA-Free” จะปลอดภัยกว่า
  • BPS (Bisphenol S)
    เป็นสารทดแทน BPA ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวอยู่เช่นกัน

ควรเปลี่ยนขวดน้ำทุกกี่วัน?

ถ้าเป็นขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (PET) ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพราะการนำกลับมาใช้ซ้ำอาจเกิดรอยขีดข่วนที่เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียและอาจปล่อยสารเคมีสู่เครื่องดื่ม
สำหรับขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ซ้ำได้ ควรทำความสะอาดทุกวันด้วยน้ำสบู่อุ่นและเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และควรเปลี่ยนขวดน้ำทุก 1-3 เดือน หรือเมื่อเริ่มเห็นรอยขีดข่วน รอยแตก หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์


ความเสี่ยงจากการวางขวดน้ำในรถร้อน

การวางขวดน้ำพลาสติกในรถที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ตากแดด หรือในรถจอดกลางแจ้ง อาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพและปล่อยสารเคมีเข้าสู่น้ำดื่ม โดยเฉพาะ BPA หรือสารที่คล้ายกัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อระบบฮอร์โมนและสุขภาพในระยะยาว
นอกจากนี้ อุณหภูมิสูงยังทำให้น้ำเสียรสชาติและกลิ่น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเก็บขวดน้ำไว้ในรถร้อนนาน ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า


สรุปง่าย ๆ

  • ดื่มน้ำจากขวด PET ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
  • ถ้าใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ซ้ำได้ ควรทำความสะอาดทุกวันและเปลี่ยนขวดเมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ
  • หลีกเลี่ยงการวางขวดน้ำในที่ร้อน เช่น รถที่ตากแดด เพราะเสี่ยงสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ
  • เลือกขวดน้ำที่ระบุว่า “BPA-Free” เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพ

พกขวดน้ำติดตัวดีไหม? พกกระบอกน้ำมีข้อดีมากกว่าที่คิด

1. ช่วยลดขยะพลาสติก

การพกขวดน้ำส่วนตัวช่วยลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งได้อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาขยะพลาสติกที่ล้นโลก เมื่อเราพกขวดน้ำเอง เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อขวดน้ำพลาสติกบ่อย ๆ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน

2. ช่วยให้ดื่มน้ำได้สม่ำเสมอ

การมีขวดน้ำติดตัวทำให้เราจำง่ายขึ้นที่จะดื่มน้ำระหว่างวัน ไม่ต้องรอให้รู้สึกกระหายน้ำถึงจะดื่ม ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ รักษาความชุ่มชื้น และส่งผลดีต่อสุขภาพผิว สมอง และระบบต่าง ๆ ในร่างกาย

3. เคล็ดลับเลือกขวดน้ำดีไซน์สวย ใช้งานได้จริง

  • วัสดุคุณภาพ เลือกขวดน้ำที่ทำจากสแตนเลสหรือแก้วที่ปลอดสาร BPA และทนทาน
  • ขนาดพอดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เพื่อพกพาสะดวกและดื่มน้ำได้เพียงพอ
  • ฝาปิดแน่น ป้องกันการรั่วซึม เหมาะกับการพกติดกระเป๋าหรือใส่ในรถ
  • ดีไซน์และสีสวย เพื่อเพิ่มความอยากใช้และทำให้รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ดื่มน้ำ
  • ฟังก์ชันเสริม เช่น ช่องเก็บของ ฝาสำหรับกรอง หรือหลอดดูด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

หากคุณกำลังมองหากระบอกน้ำ แก้วน้ำได้มาตรฐาน Food Grade ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Buddy Bottle

ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) อันตรายแค่ไหน

ตัวช่วยดื่มน้ำครบทุกวัน สุขภาพดีง่าย ๆ ด้วยกระบอกน้ำพกพา

Similar Posts