ใส่กาแฟในแก้วสแตนเลส เสี่ยงสารพิษจริงหรือแค่ข่าวลือ

ใส่กาแฟในแก้วสแตนเลส เสี่ยงสารพิษจริงหรือแค่ข่าวลือ ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง แก้วสแตนเลสกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการพกพาเครื่องดื่ม ทั้งในหมู่คนทำงาน นักเดินทาง และสายรักสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน ช่วยรักษาอุณหภูมิได้ยาวนาน และยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้โดยไม่ก่อให้เกิดขยะเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา มีข้อถกเถียงเกิดขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้แก้วสแตนเลสใส่กาแฟร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องสารพิษและโลหะหนักที่อาจละลายออกมาเมื่อสัมผัสกับเครื่องดื่มที่มีความร้อนสูงหรือมีฤทธิ์เป็นกรดอย่างกาแฟ

หลายคนตั้งคำถามว่า “การใช้แก้วสแตนเลสใส่กาแฟร้อนเป็นอันตรายจริงหรือ?” ขณะที่บางกระแสในโลกออนไลน์อ้างว่า สแตนเลสอาจปล่อยสารโลหะหนัก เช่น นิกเกิล หรือโครเมียม ออกมาเมื่อสัมผัสกับของเหลวที่ร้อนจัด และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ในทางกลับกัน แก้วสแตนเลสที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรมมักใช้สแตนเลสเกรดอาหาร (Food Grade Stainless Steel) ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง จึงเกิดเป็นคำถามที่ชวนให้สงสัยว่า “สิ่งที่เราได้ยินเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องกังวล หรือเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกขยายความเกินจริง?”

บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบโดยการอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัย ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุและสุขภาพ เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ใส่กาแฟในแก้วสแตนเลส เสี่ยงสารพิษจริงหรือแค่ข่าวลือ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจริงหรือไม่ และควรเลือกใช้แก้วประเภทไหนจึงจะปลอดภัยที่สุดสำหรับการบริโภคในระยะยาว

แก้วสแตนเลสทั่วไปปลอดภัยต่อการใช้กับเครื่องดื่มหลากหลาย

หนึ่งในข้อเท็จจริงที่ควรทำความเข้าใจคือ แก้วสแตนเลสที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เช่น สแตนเลสเกรด SUS 304 (18/8 Stainless Steel) และ SUS 316 (18/10 Stainless Steel) ถือว่ามีความปลอดภัยสูง และถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่างแพร่หลาย สแตนเลสประเภทนี้มีคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทานต่อการกัดกร่อน สามารถต้านทานปฏิกิริยาทางเคมีจากกรดและด่างในอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป ทำให้สามารถใช้ใส่ชา กาแฟ นม น้ำอัดลม หรือแม้แต่น้ำผลไม้ที่มีความเป็นกรดได้โดยไม่เกิดการปนเปื้อนของสารอันตราย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SUS 304 หรือที่เรียกกันว่า 18/8 Stainless Steel ซึ่งหมายถึงการมีส่วนผสมของโครเมียม 18% และนิกเกิล 8% เป็นสแตนเลสที่ได้รับการยอมรับว่าเหมาะสำหรับการใช้งานเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากไม่เป็นสนิมง่าย ไม่ทำปฏิกิริยากับกรด และไม่ปล่อยสารอันตรายออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่มหรือของเหลวที่ใส่ลงไป

ในระดับที่สูงขึ้น SUS 316 หรือ 18/10 Stainless Steel ซึ่งมีนิกเกิล 10% และโครเมียม 18% ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และเคมี เพราะมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงถือเป็นวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงมาก

ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่มีกรดสูง เช่น น้ำอัดลมและกาแฟ

มักเกิดจากความเชื่อว่าเครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำปฏิกิริยากับสแตนเลสและก่อให้เกิดสารโลหะหนักที่เป็นอันตราย แต่ในความเป็นจริง สแตนเลสเกรดอาหาร เช่น 304 และ 316 ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานต่อกรดอ่อนที่พบในเครื่องดื่มทั่วไปได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นกรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลมหรือกรดแทนนิกในชาและกาแฟ

เนื่องจากสแตนเลสมีฟิล์มออกไซด์ป้องกันการกัดกร่อน จึงไม่เกิดการละลายของโลหะออกมาที่ระดับอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม หากใช้ภาชนะที่ทำจากสแตนเลสคุณภาพต่ำ หรือเกิดรอยขีดข่วนที่ทำให้ชั้นป้องกันถูกทำลาย ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการปล่อยไอออนโลหะบางชนิด เช่น นิกเกิลหรือโครเมียมได้ แต่ในกรณีของสแตนเลสเกรดอาหารที่ได้มาตรฐาน ปริมาณที่อาจละลายออกมานั้นอยู่ในระดับต่ำมากและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

การใช้งานกับนมและเครื่องดื่มที่มีไขมัน

การใช้งานสแตนเลสกับนมและเครื่องดื่มที่มีไขมัน เช่น นมเย็น ชาเย็น หรือกาแฟใส่นม จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องความสะอาด เนื่องจากไขมันจากเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถเกาะติดภายในภาชนะและสะสมเป็นคราบได้ หากล้างไม่สะอาด อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

แม้ว่าสแตนเลสเกรดอาหารจะไม่มีปฏิกิริยาทางเคมีกับนมหรือไขมันโดยตรง แต่คราบไขมันที่ตกค้างอาจทำให้รสชาติของเครื่องดื่มในครั้งถัดไปเปลี่ยนไป หรือทำให้ภาชนะมีกลิ่นอับ แนะนำให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาล้างจานทุกครั้งหลังการใช้งาน และหากมีคราบฝังแน่น ควรแช่น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาเพื่อช่วยขจัดคราบ

หากทำความสะอาดเป็นประจำ การใช้ภาชนะสแตนเลสกับนมและเครื่องดื่มที่มีไขมันจะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่มให้นานขึ้นอีกด้วย

ทำไมบางคนเชื่อว่าใส่ชา นม กาแฟ น้ำอัดลมในแก้วสแตนเลสอันตราย?

สาเหตุที่บางคนเชื่อว่าการใส่ชา นม กาแฟ หรือ น้ำอัดลมในแก้วสแตนเลสอาจเป็นอันตราย มักเกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างเครื่องดื่มกับโลหะ ซึ่งในความเป็นจริง สแตนเลสคุณภาพดีมีความทนทานสูงและไม่ทำปฏิกิริยากับเครื่องดื่มเหล่านี้

1. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการละลายของโลหะ
บางคนเชื่อว่าเครื่องดื่มที่มีกรด เช่น กาแฟ น้ำอัดลม หรือชา จะทำให้โลหะละลายออกมาและปนเปื้อนในเครื่องดื่ม ซึ่งอาจเป็นจริงในกรณีของโลหะบางประเภท เช่น อะลูมิเนียมหรือเหล็กที่ไม่มีการเคลือบป้องกัน แต่สำหรับสแตนเลสเกรดอาหาร เช่น SUS 304 หรือ SUS 316 จะมีชั้นฟิล์มออกไซด์ป้องกันการกัดกร่อน ทำให้โลหะไม่ละลายออกมาในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเกิดสนิม
อีกหนึ่งความกังวลคือการที่สแตนเลสอาจเป็นสนิมเมื่อสัมผัสกับของเหลวที่เป็นกรด เช่น น้ำอัดลมหรือชาเปรี้ยว แต่ในความเป็นจริง สแตนเลสเกรดดีมีส่วนผสมของโครเมียมที่สร้างชั้นป้องกันสนิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เว้นแต่เป็นสแตนเลสคุณภาพต่ำหรือมีรอยขีดข่วนลึกที่ทำให้ชั้นป้องกันถูกทำลาย

3. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการสะสมของคราบและกลิ่น
บางคนอาจพบว่าภาชนะสแตนเลสที่ใช้กับนมหรือเครื่องดื่มที่มีไขมัน เช่น กาแฟใส่นม หรือชาเย็น มีกลิ่นตกค้างหรือล้างออกยาก จึงเข้าใจผิดว่าการใช้สแตนเลสกับเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้ว ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เช่น การแช่น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาเพื่อล้างคราบไขมัน

กรณีของสแตนเลสคุณภาพต่ำ

แม้ว่าสแตนเลสเกรดดีจะมีความปลอดภัยสูงในการใช้งานกับเครื่องดื่มต่าง ๆ แต่หากใช้สแตนเลสคุณภาพต่ำหรือสแตนเลสที่ไม่ได้เป็น Food-Grade อาจทำให้เกิดปัญหาหลายประการที่ส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้

1. ความเสี่ยงจากโลหะหนักปนเปื้อน
สแตนเลสคุณภาพต่ำอาจมีส่วนผสมของโลหะที่ไม่บริสุทธิ์ หรือมีปริมาณนิกเกิลและโครเมียมในระดับที่ไม่ปลอดภัย หากเครื่องดื่มที่มีกรด เช่น น้ำอัดลมหรือกาแฟ สัมผัสกับพื้นผิวเป็นเวลานาน อาจทำให้ไอออนโลหะบางชนิดละลายออกมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่แพ้นิกเกิล

2. การเกิดสนิมและการกัดกร่อนง่ายขึ้น
สแตนเลสที่ไม่ได้เป็นเกรดอาหารมักมีโครเมียมในปริมาณที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนได้ง่ายขึ้นเมื่อสัมผัสกับของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือเกลือเป็นเวลานาน หากเกิดสนิมหรือการกัดกร่อน อาจทำให้โลหะปนเปื้อนลงไปในเครื่องดื่ม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

3. พื้นผิวภายในเกิดรอยขีดข่วนง่าย
สแตนเลสคุณภาพต่ำมักมีพื้นผิวที่ไม่เรียบเนียนและมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย โดยเฉพาะหากใช้แปรงขัดที่มีความแข็งหรือเกิดการกระแทกในระหว่างการใช้งาน รอยขีดข่วนเหล่านี้อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ทำให้ภาชนะไม่สะอาด และอาจก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือการปนเปื้อนในเครื่องดื่ม

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว ควรเลือกใช้ภาชนะที่ผลิตจาก Food-Grade Stainless Steel เช่น SUS 304 หรือ SUS 316 ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ดี และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางอาหาร

ใส่เครื่องดื่มร้อนทำให้แก้วสแตนเลสพังจริงหรือไม่?

ไม่จริง หากเป็น แก้วสแตนเลสคุณภาพดี หรือ Food-Grade Stainless Steel เช่น SUS 304 หรือ SUS 316 การใส่เครื่องดื่มร้อนไม่ทำให้แก้วพังหรือเสียหาย เนื่องจากสแตนเลสถูกออกแบบมาให้ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี

อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่อาจทำให้แก้วเสียหายได้ ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้

1. แก้วสแตนเลสคุณภาพต่ำ

หากแก้วทำจากสแตนเลสคุณภาพต่ำ หรือเป็นสแตนเลสที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อสัมผัสกับความร้อนสูงบ่อย ๆ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างโลหะ ทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ หรือในกรณีที่เป็นแก้วสแตนเลสเกรดต่ำมาก อาจเกิดการโก่งตัวหรือเสียรูปได้หากสัมผัสกับอุณหภูมิสูงมาก

2. ปัญหาการเชื่อมต่อของแก้วสแตนเลสสุญญากาศ

หากเป็น แก้วสแตนเลสสองชั้นแบบสุญญากาศ (Vacuum Insulated Stainless Steel Cup) ซึ่งมีช่องอากาศระหว่างชั้นเพื่อเก็บความร้อน หากคุณเทน้ำเดือดจัดลงไปบ่อย ๆ และเกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ซีลของฉนวนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือทำให้โครงสร้างสุญญากาศเสียหาย ซึ่งจะทำให้แก้วเก็บความร้อนได้ไม่ดีเหมือนเดิม

3. การขยายตัวของโลหะจากความร้อน

แม้ว่าสแตนเลสจะทนทานต่อความร้อน แต่โลหะมีคุณสมบัติขยายตัวเมื่อเจออุณหภูมิสูง หากเปลี่ยนจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดไปเย็นจัดอย่างรวดเร็ว (เช่น เทน้ำเดือดใส่แล้วนำไปล้างด้วยน้ำเย็นทันที) อาจทำให้เกิดความเครียดในโครงสร้างโลหะ ส่งผลให้เกิดการเสียรูปเล็ก ๆ หรือทำให้ฝาหรือข้อต่อของแก้วบางประเภทเกิดรอยรั่วได้

4. พื้นผิวด้านในเกิดรอยหรือการสึกหรอ

หากแก้วสแตนเลสมีพื้นผิวด้านในที่ขรุขระ หรือเกิดรอยขีดข่วนจากการใช้งาน อาจทำให้เครื่องดื่มร้อนทำปฏิกิริยากับพื้นผิวได้ง่ายขึ้นในระยะยาว ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบสะสมหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าแก้วจะพังเสียหายในทันที

หากคุณกำลังมองหากระบอกน้ำ แก้วน้ำได้มาตรฐาน Food Grade ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Buddy Bottle

เชื้อโรคในกระบอกน้ำ ภัยเงียบที่คุณอาจไม่รู้

ไขปริศนา! เหตุผลที่แก้วเก็บความเย็น เกิดเหงื่อ

Similar Posts