ขวดน้ำดื่มพลาสติก ตากแดดในรถ-แช่แข็งอันตรายหรือไม่

ขวดน้ำดื่มพลาสติก ตากแดดในรถ-แช่แข็งอันตรายหรือไม่ ขวดน้ำดื่มพลาสติกเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำดื่มบรรจุขายตามร้านสะดวกซื้อหรือขวดน้ำแบบใช้ซ้ำที่หลายคนพกติดตัวเพื่อความสะดวก อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงและความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของขวดน้ำพลาสติก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้สภาวะอุณหภูมิที่รุนแรง เช่น การตากแดดไว้ในรถเป็นเวลานาน หรือการนำไปแช่แข็งในตู้เย็น หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่าเมื่อขวดพลาสติกถูกความร้อน อาจปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายลงสู่น้ำดื่ม หรือหากนำไปแช่แข็งอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับขวดน้ำพลาสติกและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงมักแพร่กระจายในโลกออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองและครอบครัว แต่ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอย่างไร? พลาสติกที่ใช้ผลิตขวดน้ำดื่มนั้นมีมาตรฐานความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่? และพฤติกรรมการใช้งานขวดน้ำที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น?

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบของอุณหภูมิต่อ ขวดน้ำดื่มพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากแสงแดดในรถยนต์ หรือความเย็นจากการแช่แข็งในตู้เย็น พร้อมอธิบายว่าสารเคมีที่หลายคนกังวลนั้นมีโอกาสปนเปื้อนสู่น้ำดื่มมากน้อยเพียงใด และวิธีการใช้งานขวดน้ำพลาสติกอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของคุณและคนรอบตัว

ขวดน้ำพลาสติกตากแดดในรถ อันตรายหรือไม่?

ขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ทำจาก PET (Polyethylene Terephthalate) เป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับบรรจุน้ำดื่ม เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ราคาถูก และสามารถรีไซเคิลได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อขวดน้ำเหล่านี้ถูกปล่อยทิ้งไว้ในรถที่จอดตากแดดเป็นเวลานาน หลายคนอาจสงสัยว่าความร้อนสูงจะทำให้พลาสติกปล่อยสารพิษออกมาสู่น้ำดื่มหรือไม่

ขวดพลาสติกกับอุณหภูมิสูง

ภายในรถที่จอดตากแดด โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน อุณหภูมิอาจสูงขึ้นถึง 60–80°C หรือมากกว่านั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อขวดน้ำพลาสติก ดังนี้

  1. การปล่อยสารเคมีจากพลาสติก
    • แอนติโมนี (Antimony): เป็นสารที่ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการผลิต PET หากขวดถูกความร้อนสูงเป็นเวลานาน อาจมีสารแอนติโมนีละลายลงสู่น้ำดื่ม แม้ว่าจะอยู่ในปริมาณต่ำที่ไม่เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยขององค์กรอาหารและยา (FDA) และองค์การอนามัยโลก (WHO)
    • BPA (Bisphenol A): แม้ว่าขวดพลาสติก PET ส่วนใหญ่จะไม่มี BPA แต่หากเป็นขวดพลาสติกชนิดอื่น เช่น โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate – PC) ซึ่งพบในขวดพลาสติกแข็ง อาจปล่อย BPA ได้มากขึ้น BPA เป็นสารเคมีที่อาจรบกวนฮอร์โมนในร่างกายและเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพบางอย่าง
  2. การเสื่อมสภาพของพลาสติก
    • เมื่อขวดพลาสติกสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานาน อาจเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดรอยแตกร้าวหรือโครงสร้างพลาสติกอ่อนลง ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสที่สารเคมีบางชนิดจะซึมลงสู่น้ำ
  3. การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
    • หากขวดน้ำถูกเปิดใช้งานแล้ว หรือหากมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนภายในขวด ความร้อนจะช่วยเร่งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ข้อควรระวังในการเก็บขวดน้ำในรถ

  • หลีกเลี่ยงการเก็บขวดน้ำไว้ในรถที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเก็บขวดน้ำไว้ในรถ ควรเลือกเก็บในที่ร่ม หรือหุ้มขวดด้วยวัสดุที่ช่วยลดความร้อน เช่น ผ้า หรือกระติกน้ำ
  • หากน้ำมีกลิ่นผิดปกติหรือรสชาติเปลี่ยนไป ควรหลีกเลี่ยงการดื่ม หากสังเกตว่าน้ำในขวดมีกลิ่นแปลก หรือรสชาติเปลี่ยนไปจากปกติ ควรเททิ้งทันที เพราะอาจมีสารปนเปื้อนหรือแบคทีเรียเจริญเติบโต
  • เลือกใช้ขวดน้ำที่ปลอดสาร BPA หรือวัสดุที่ทนความร้อน หากต้องพกขวดน้ำไว้ในรถเป็นประจำ ควรเลือกใช้ ขวดพลาสติกที่ปราศจาก BPA หรือใช้ขวดแก้วและขวดสแตนเลสแทน ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าและทนความร้อนได้ดีกว่า
  • ดื่มน้ำจากขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวให้หมดภายในระยะเวลาสั้นๆ หากเป็นขวดน้ำดื่มพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ควรบริโภคให้หมดภายในเวลาไม่นาน และหลีกเลี่ยงการนำขวดกลับมาใช้ซ้ำ โดยเฉพาะหากขวดมีรอยบุบหรือแตกร้าว

ขวดน้ำพลาสติกแช่แข็ง อันตรายหรือไม่?

มีความเชื่อที่แพร่หลายว่า การนำขวดน้ำพลาสติกไปแช่แข็งอาจทำให้เกิดการปล่อยสารไดออกซิน (Dioxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ความเชื่อนี้อาจมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระบวนการผลิตพลาสติกและคุณสมบัติของสารเคมีที่เกี่ยวข้อง


ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแช่แข็งขวดน้ำพลาสติก

  1. พลาสติก PET ไม่มีสารไดออกซิน
    • ขวดน้ำดื่มส่วนใหญ่ผลิตจาก PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งไม่มีส่วนประกอบของไดออกซิน ไดออกซินเป็นสารเคมีที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ของสารอินทรีย์ที่มีคลอรีนภายใต้อุณหภูมิสูงมาก (เช่น การเผาขยะพลาสติก) การแช่แข็งขวดน้ำไม่มีทางทำให้เกิดไดออกซิน
  2. อุณหภูมิต่ำไม่ได้ทำให้พลาสติกปล่อยสารเคมีอันตราย
    • การแช่แข็งขวดน้ำพลาสติกไม่ก่อให้เกิดการสลายตัวของสารเคมี เช่น BPA หรือสารอื่นๆ เพราะปกติสารเหล่านี้จะซึมออกมาในสภาวะที่มี ความร้อนสูง มากกว่าความเย็น
  3. การแช่แข็งช่วยลดการเติบโตของแบคทีเรีย
    • หากขวดน้ำถูกเปิดใช้งานแล้ว อาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อน การแช่แข็งสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้ ทำให้น้ำมีความปลอดภัยขึ้น
  4. พลาสติกอาจเปราะและแตกร้าวเมื่อแช่แข็ง
    • แม้ว่าพลาสติก PET จะสามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ แต่เมื่อถูกแช่แข็งเป็นเวลานาน พลาสติกอาจเปราะและแตกร้าวได้ง่าย โดยเฉพาะหากเป็นขวดพลาสติกที่มีคุณภาพต่ำ หรือถูกนำกลับมาใช้ซ้ำหลายครั้ง

คำแนะนำในการแช่แข็งขวดน้ำพลาสติกอย่างปลอดภัย

  • สามารถแช่แข็งขวดน้ำพลาสติกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารพิษ ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการแช่แข็งขวดน้ำทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง หรือสารพิษใดๆ
  • เว้นที่ว่างในขวดก่อนแช่แข็ง น้ำจะขยายตัวเมื่อกลายเป็นน้ำแข็ง ดังนั้น ควรเว้นพื้นที่ภายในขวดเล็กน้อยเพื่อป้องกันขวดแตก
  • ใช้ขวดพลาสติกที่ออกแบบมาให้ทนต่อการแช่แข็ง หากต้องการแช่แข็งน้ำเป็นประจำ ควรใช้ขวดที่ระบุว่า “Freezer Safe” หรือภาชนะที่ออกแบบมาสำหรับการแช่แข็งโดยเฉพาะ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกซ้ำหลายครั้ง แม้การแช่แข็งจะไม่ทำให้เกิดสารพิษ แต่การใช้ขวดน้ำพลาสติกซ้ำๆ อาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพและอาจเกิดการปนเปื้อนจากรอยขีดข่วนหรือรอยแตกร้าวของขวด

ข้อเสียของการใช้ขวดพลาสติกซ้ำ

แม้ว่าขวดน้ำพลาสติกจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่ก็มีข้อเสียที่ควรระวัง เนื่องจากพลาสติกบางประเภทไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ซ้ำหลายครั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

1. การสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย

  • ขวดน้ำพลาสติกที่ถูกใช้ซ้ำโดยไม่มีการทำความสะอาดที่เหมาะสม อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของ เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
  • หากขวดมีรอยบุบ รอยขีดข่วน หรือพื้นผิวขวดไม่เรียบ อาจทำให้แบคทีเรียฝังตัวและทำความสะอาดได้ยากขึ้น
  • งานวิจัยบางชิ้นพบว่า ขวดน้ำที่ใช้ซ้ำอาจมีจำนวนแบคทีเรียสูงกว่าฝารองนั่งชักโครก หากไม่ได้ล้างทำความสะอาดอย่างถูกต้อง

2. ความเสื่อมสภาพของพลาสติกและสารปนเปื้อน

  • เมื่อขวดน้ำพลาสติกถูกใช้งานหลายครั้ง โดยเฉพาะการบีบ กด หรือขูดขีด อาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพและมี เศษไมโครพลาสติก หลุดออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่ม
  • พลาสติกบางประเภท เช่น PET (Polyethylene Terephthalate) อาจปล่อยสารแอนติโมนี (Antimony) ออกมาเมื่อถูกใช้งานนานเกินไปหรือสัมผัสกับความร้อน
  • หากเป็นพลาสติกที่มี BPA (Bisphenol A) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการรบกวนฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ

3. การเปลี่ยนแปลงของรสชาติและกลิ่น

  • ขวดพลาสติกที่ใช้ซ้ำอาจเริ่มมีกลิ่นอับหรือรสชาติแปลกๆ เนื่องจากการสะสมของคราบน้ำและสิ่งสกปรก
  • หากขวดเคยสัมผัสกับสารอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มรสหวานหรือสารเคมีจากภายนอก อาจทำให้ขวดดูดซับกลิ่นและส่งผลต่อรสชาติของน้ำ

4. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม

  • แม้ว่าการใช้ขวดพลาสติกซ้ำจะช่วยลดขยะพลาสติก แต่ถ้าขวดมีอายุการใช้งานเกินไป อาจเสื่อมสภาพและ แตกเป็นไมโครพลาสติก ที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
  • ขวดพลาสติกบางประเภทไม่สามารถรีไซเคิลได้หลังจากเสื่อมสภาพ ทำให้กลายเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก

คำแนะนำในการใช้ขวดน้ำอย่างปลอดภัย

  • หลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวซ้ำหลายครั้ง – ควรใช้ขวดน้ำที่ออกแบบมาให้ใช้ซ้ำได้ เช่น ขวดพลาสติกเกรดสูง (BPA-Free), ขวดแก้ว หรือขวดสแตนเลส
  • ล้างขวดน้ำอย่างถูกต้อง – ควรทำความสะอาดขวดน้ำเป็นประจำ โดยใช้ น้ำอุ่นและสบู่ หรือ น้ำส้มสายชู เพื่อฆ่าเชื้อโรค และปล่อยให้แห้งก่อนใช้งาน
  • หากขวดเริ่มเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ – หากขวดพลาสติกมีรอยแตกร้าว บุบ หรือเริ่มมีกลิ่นผิดปกติ ควรเปลี่ยนขวดใหม่ทันที
  • เก็บขวดน้ำให้ถูกวิธี – หลีกเลี่ยงการวางขวดน้ำในที่ร้อนจัด เช่น ในรถที่จอดกลางแดด หรือใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยความร้อนสูง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับขวดน้ำพลาสติก

มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ขวดน้ำพลาสติกที่แพร่หลาย ซึ่งบางเรื่องไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน หรือเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคุณสมบัติของพลาสติก ในส่วนนี้ เราจะมาชี้แจงความจริงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้

1. “การแช่ขวดน้ำพลาสติกในตู้เย็นทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง”

ความจริง: ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการแช่ขวดน้ำพลาสติกในตู้เย็นหรือแช่แข็งจะทำให้เกิด สารไดออกซิน (Dioxin) หรือสารก่อมะเร็ง พลาสติกที่ใช้ทำขวดน้ำ เช่น PET (Polyethylene Terephthalate) ไม่มีองค์ประกอบที่สามารถสร้างไดออกซินได้ การแช่แข็งขวดน้ำ ไม่มีผลต่อการปล่อยสารเคมีอันตราย แต่อาจทำให้พลาสติกเปราะและแตกร้าวง่ายขึ้น

2. “ขวดพลาสติกสามารถใช้ซ้ำได้ไม่จำกัด”

ความจริง: ขวดพลาสติกมี อายุการใช้งาน และอาจเสื่อมสภาพเมื่อถูกใช้ซ้ำหลายครั้ง การขูดขีดและการเสื่อมสภาพของพลาสติกอาจทำให้เกิดการปล่อยสารเคมี และเพิ่มโอกาสในการสะสมของแบคทีเรีย ควรสังเกตว่าขวดเริ่มเปลี่ยนสี เปราะ หรือมีกลิ่นผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ควรเปลี่ยนขวดใหม่

3. “ขวดน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งไว้ในรถจะปล่อยสารพิษอันตรายออกมา”

ความจริง: การที่ขวดน้ำพลาสติกถูกตากแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการปล่อยสารบางชนิด เช่น แอนติโมนี (Antimony) แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม น้ำที่ถูกทิ้งไว้นานอาจมีการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าการปล่อยสารพิษจากพลาสติก

4. “พลาสติกรีไซเคิลทุกประเภทปลอดภัยต่อการใช้ซ้ำ”

ความจริง: ขวดพลาสติกที่ใช้ซ้ำควรเป็นพลาสติกที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ซ้ำได้ เช่น พลาสติกเกรดสูง BPA-Free ไม่ใช่ขวดแบบใช้ครั้งเดียวที่อาจเสื่อมสภาพเร็ว ขวดพลาสติกที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ซ้ำ อาจเกิดรอยขีดข่วน ทำให้เชื้อโรคสะสมง่ายขึ้น

หากคุณกำลังมองหากระบอกน้ำ แก้วน้ำได้มาตรฐาน Food Grade ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Buddy Bottle

สัญญาณเตือน ! เมื่อกระบอกน้ำของคุณถึงเวลาต้องเปลี่ยน

รู้หรือไม่ สัญลักษณ์ที่มักพบ บนขวดน้ำ ภาชนะ หมายความว่าอะไร

Similar Posts